คำตอบ

บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 โดยคุณชลากร เอกชัยพัฒนกุล (อู๋) และคุณจิรายุส ภูวพูนผล (โจ้) ทั้งสองท่านเริ่มต้นธุรกิจจากแปลงผักออร์แกนิกขนาดเล็กแห่งแรก โดยได้รับแรงบันดาลใจจากพื้นฐานครอบครัวที่มีประสบการณ์ ด้านเกษตรกรรม ประกอบกับความมุ่งมั่นในการทำเกษตรอินทรีย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2556 ได้เปิดร้านอาหารสาขาแรกภายใต้ชื่อ "โอ้กะจู๋" และในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 บริษัทได้เปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำลัด (มหาชน)

ท่านนักลงทุนสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของบริษัทได้ ที่นี่

คำตอบ

  • วิสัยทัศน์: “เรามุ่งมั่นเดินบนวิถี เกษตรอินทรีย์ที่ดีต่อตัวเราและสังคม”
  • พันธกิจ : “เราส่งมอบผักออร์แกนิคจากฟาร์มของเรา คัดสรร วัตถุดิบปราศจากสารเคมี นำเสนอผ่านประสบการณ์มื้ออาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน และให้การดูแลต้อนรับเสมือนคนในครอบครัว พร้อมทั้งยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในวิถีอินทรีย์

คำตอบ

  • Local : รักในวิถีเกษตรอินทรีย์ และเชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีสุดในการทำเกษตรกรรม และมั่นใจในการใช้วิถีนี้ดูแลครอบครัว ลูกค้า และสิ่งแวดล้อมให้แข็งแรง บริษัทฯ ตั้งใจปลูกและเก็บเกี่ยวผักอินทรีย์ทุกต้น พร้อมเสิร์ฟให้ถึงมือทุกคน โดยปราศจากสารเคมีและยาฆ่าแมลงที่จะส่งผลร้ายต่อผู้คนและโลก
  • Generous: เชื่อมั่นในสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของครอบครัว การรวมตัวที่อยู่ร่วมกันภายในสถานที่หนึ่ง ภายใต้จุดประสงค์หนึ่ง หรือที่เรียกว่ารัก บริษัทฯ ปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนเป็นดั่งคนในครอบครัว โดยให้ในสิ่งที่ดีที่สุดจากใจ และดูแลสมาชิกครอบครัวด้วยความซื่อสัตย์ ใส่ใจ และจริงใจ โดยให้แต่ของคุณภาพและคุณค่าที่พวกเขาสมควรได้รับเสมอ
  • Progressive : มุ่งมั่นที่จะเติบโต พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง และใช้ชีวิตตามวิถียั่งยืน และจะไม่ยอมประนีประนอมล้มเลิกความคิดนั้น พร้อมสนับสนุนให้ชุมชน ครอบครัว เกษตรกร พนักงาน และลูกค้า ได้มีชีวิตที่ยืนยาว มีสุขภาพดี และมีความสุขร่วมกันอย่างยาวนาน

คำตอบ

บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจให้บริการและจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้แนวคิด “Be Organic from Farm to Table” โดยเน้นการเพาะปลูกผักออร์แกนิกและการให้บริการอาหารและ เครื่องดื่มออร์แกนิกคุณภาพสูง เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนแก่ผู้บริโภค

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีแบรนด์หลักๆ 3 แบรนด์ ได้แก่

  • แบรนด์ Ohkajhu ซึ่งจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประเภทต่างๆ เช่น สลัด สเต็ก ซุป สปาเก็ตตี้ อาหารจานเดียว ขนมหวาน น้ำผักผลไม้ เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว เป็นต้น รวมถึงมีการนำผลิตภัณฑ์ภายใต้ แบรนด์โอ้กะจู๋ เช่น ผัก ผลไม้สด แซนวิช แร็พ เป็นต้น ไปวางขายยังช่องทางต่างๆ รวมถึงการให้บริการจัดเลี้ยง (Catering) โดยธุรกิจบริการและจำหน่ายของบริษัทฯ สามารถแบ่งรูปแบบและช่องทางการจำหน่ายได้เป็น 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ Full-Service Restaurant, Delivery and Kiosk, Café Amazon, และ Supermarket ณ สิ้นปี 2567 มีทั้งหมด 41 สาขา
  • แบรนด์ Oh! Juice ร้านน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพ ภายใต้ชื่อ “Oh! Juice” ซึ่งเป็นการต่อยอดเมนูน้ำผักและผลไม้ที่จำหน่ายในร้านโอ้กะจู๋ มาพัฒนาสูตรเพิ่มเติมให้เป็นเมนูที่เน้นสุขภาพในด้านต่างๆ และเสริมคุณค่าทางโภชนาการด้วยสารอาหารต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยสารอาหาร (Nutrition) เหมาะสำหรับคนทุกวัย เด็ก วัยรุ่น ผู้สูงอายุ คนออกกำลังกาย ให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีและมีสุขภาพแข็งแรง มีความสุขในแบบที่เป็นตัวเอง โดยการเสริมสร้างคุณค่าทางโภชนาการด้วยสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เช่น โปรตีน ไฟเบอร์ คอลลาเจน วิตามินซี เป็นต้น โดยน้ำผักผลไม้ของบริษัทฯ ใช้ผลไม้สด และผักออร์แกนิค ปราศจากน้ำตาล และสารเติมแต่ง ณ สิ้นปี 2567 มีทั้งหมด 15 สาขา
  • แบรนด์ Ohkajhu Wrap and Roll ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภท สลัด แร๊พสลัด แซนวิช และเมนูสุขภาพพร้อมหยิบ (Grab & Go) ภายใต้ชื่อ “Ohkajhu Wrap & Roll” ซึ่งเป็นการต่อยอดเมนูที่จำหน่ายในร้านโอ้กะจู๋ มาพัฒนาให้ตอบโจทย์ชีวิตเร่งรีบที่ต้องการรับประทานอาหารที่สะดวกรวดเร็วและดีต่อสุขภาพ เพื่อเป็นการตอกย้ำความเป็น King of Organic Salad จึงสร้างความหลากหลาย โดยมีผัก ผลไม้ โปรตีนเนื้อสัตว์ และวัตถุดิบเป็นตัวเลือกกว่า 80 ชนิด พร้อมน้ำสลัดโฮมเมดรสชาติพิเศษ ที่ลูกค้าสามารถเลือกวัตถุดิบและน้ำสลัดได้เอง ณ สิ้นปี 2567 มีทั้งหมด 1 สาขา

ท่านนักลงทุนสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

คำตอบ

ฟาร์มอินทรีย์ของบริษัทฯ มีทั้งหมด 5 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ครอบคลุมพื้นที่รวมประมาณ 380 ไร่ มีกำลังการผลิตทั้งหมด 850,000 กิโลกรัม/ปี

คำตอบ

บริษัทฯ ตระหนักดีว่าการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ต้องคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม การรักษาสิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล (Environmental Social and Governance) ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทุกขั้นตอน

  • มิติสิ่งแวดล้อม เราทำเกษตรอินทรีย์ กระบวนการหลักในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ คือ การปลูกผัก ผลไม้และดอกไม้ทานได้ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทฯ เอง ซึ่งบริษัทฯ ใช้กระบวนการเกษตรอินทรีย์ในการเพาะปลูกพืชผักทุกชนิด และยึดมั่นบนวิถีเป็นวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ซึ่งคือ “เรามุ่งมั่นเดินบนวิถีอินทรีย์ที่ดีต่อตัวเราและสังคม” บริษัทฯ ยึดมั่นในแนวคิดการลดขยะให้เป็นศูนย์ หรือ Zero waste โดยการนำขยะธรรมชาติ เช่น เศษใบไม้ กิ่งไม้ เปลือกข้าวโพด แกลบ ขี้วัว ขี้เถ้า เป็นต้น ซึ่งเป็นขยะธรรมชาติจากบ้านเรือน ท้องถนน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงเศษผักเหลือทิ้งจากการตัดแต่งหลังเก็บเกี่ยว และเศษขยะอินทรีย์จากร้านอาหารในสาขาเชียงใหม่ 2 สาขา มาแปรรูป ผ่านกระบวนการต่างๆ จนกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์เพื่อใช้ในการปลูกพืชผักในสวนของเรา คำนึงถึงการใช้พลังงานสะอาดในการดำเนินธุรกิจ โดยมีการติดตั้งและวางระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่โรงเรือนเพาะปลูก ครัวกลาง และร้านอาหารของบริษัทฯ ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นพลังงานหมุนเวียนในกระบวนการต่างๆ ของบริษัทฯ
  • มิติสังคม นอกจากบริษัทฯ จะทำเกษตรอินทรีย์ด้วยตัวเองแล้ว ยังส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงเปลี่ยนจากการทำเกษตรเคมี มาทำเกษตรอินทรีย์เพื่อลดการทำลายสิ่งแวดล้อม และทำให้เกษตรกรและคนในชุมชนได้ทานพืช ผัก ผลไม้ ที่ปราศจากสารเคมี อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างรายได้และอาชีพให้กับเกษตรกรในพื้นที่อีกด้วย โดยบริษัทฯ ให้ความรู้ สนับสนุนอุปกรณ์ รวมถึงดูแล ติดตาม และตรวจสอบกระบวนการเพาะปลูกเพื่อให้มั่นใจในผลผลิตนอกจากนี้ บริษัทฯ มีการจัดโครงการ “โอ้กาด” ซึ่งเป็นการรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบอินทรีย์ และนำมาจำหน่ายเป็นผัก ผลไม้สด ในบริเวณร้านอาหารของบริษัทฯ เอง ซึ่งเป็นการสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกร และส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้เกษตรเปลี่ยนจากเกษตรเคมี มาทำเกษตรอินทรีย์
  • มิติเศรษฐกิจ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจทั้งในระดับองค์กร ชุมชน และสังคมโดยรวม ด้วยเป้าหมายในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน โดยมีแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส สนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ประหยัดพลังงาน ลดต้นทุนระยะยาว และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน และแบ่งปันผลกำไรคืนสู่สังคม
  • โครงการ CSR ของบริษัทฯ เช่น
    1. โครงการปันฮัก ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือสังคม โดยเริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2558 ด้วยความตั้งใจในการส่งมอบความรักถึงทุกๆ คน และอยากให้ทุกๆ คนมีสุขภาพที่ดี ภายใต้โครงการปันฮักประกอบด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น โครงการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โดยบริษัทฯ จะนำผลผลิตที่อาจมีน้ำหนัก ขนาด หรือรูปร่างไม่เป็นไปตามมาตรฐานของการวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตมาแจกให้แก่ลูกค้า และให้ลูกค้าร่วมสนับสนุนตามความต้องการ รวมถึงการนำผลผลิตดังกล่าวมาเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารบางประเภท โครงการปันฮัก ปันน้ำใสให้น้อง โครงการที่บริษัทฯ สนับสนุนการก่อสร้างถังน้ำในโรงเรียนบ้านแม่ปอน อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้นักเรียนและคนในชุมชนได้บริโภคน้ำสะอาดตลอดทั้งปี

ท่านนักลงทุนสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมในด้านการมีส่วนร่วมของบริษัทต่อสังคมและชุมชนได้ ที่นี่

คำตอบ

บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลอาจน้อยกว่าอัตราข้างต้น โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทฯ กระแสเงินสด เงินทุนหมุนเวียน แผนการลงทุนและการขยายธุรกิจ ภาระหนี้สิน เงื่อนไขและข้อจำกัดตามที่กำหนดในสัญญากู้ยืมเงิน และความเหมาะสมอื่น ๆ โดยคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาอย่างระมัดระวัง

ท่านนักลงทุนสามารถติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลของบริษัทได้ ที่นี่